วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2556

กาฟิว กระรอกแดงท้องขาว

...วันที่ 24 ก.พ. 2556 ผมก็ได้มีโอกาศเลี้ยงกระรอกตัวใหม่ ซึ่งเจ้านี่คือกระรอกดงท้องขาวครับ  ผมตั้งชื่อมันว่าเจ้า "กาฟิว"
...ซื้อเจ้านี่มาในขนาดไซต์สวยครับ สวยสมไซต์เลย  เจ้ากาฟิวเชื่องๆครับ  ไม่ดื่อเท่าไหร่แล้วก็รู้สึกว่าท้องก็ยังไม่เป็นสีขาวด้วยนะ










...เห็นเค้าบอกว่าเวลามันโตแล้วขนที่ท้องจึงจะออกสีเป็นสีขาวครับ  อันนี้ก็กำลังเลี้ยงอยู่ครับเลยไม่ทราบว่าจริงไม่จริง  ^_^ แต่ความน่ารักนี่สิให้เต็ม 5 ดาวเลย









...เจ้ากาฟิวไม่ค่อยดื่อเท่ากับตัวอื่นๆครับออกจะเชื่องเลยด้วยซ้ำ  กินเก่งเชื่องช้า น่ารักน่าตีมากเลย  นี่ก็เป็นตัวอย่างของกระรอกแดงท้องขาวที่ผมกำลังเลี้ยงดูอยู่ครับ  แล้วถ้ามีอะไรเพิ่มเติมจะนำมาเล่าให้ฟังเพิ่มนะครับ








เจ้าโกโก้ กระรอกสวนแสนซน

...สวัสดีครับวันนี้นำภาพจากที่บ้านมาฝากกันครับนั้นคือเจ้ากระรอกสวนอายุเกือบๆ2ปีที่ฃื่อว่าเจ้าโกโก้ครับผม
...เจ้าโกโก้เป็นกระรอกของพี่สาวผมเองครับแกเลี้ยงดูมาอย่างดีแต่เสียอย่างเดียวคือมันดุมากครับ  เชื่องเฉพาะเจ้าของของตนเองเท่านั้นเป็นคนอื่นจับตัวเจ้าตัวซนนี่ไม่ได้เลยครับมันกัดแหลก
...มันเป็นกระรอกสวนที่พี่สาวผมไปได้มาจากนครสวรรค์ครับแล้วก็เลี้ยงดูมันมาเป็นระยะเวลานาน
ร่วมๆ1-2ปี เห็นจะได้ นิสัยขี้ตกใจเวลาเจอคนแปลกหน้าและกัดคนแปลกหน้าครับ  อาจเป็นเพราะไม่ค่อยได้เจอกับคนมากหน้าหลายตาจึงทำให้มันดุร้ายก็เป็นไปได้ครับ
...ก็เอาเป็นว่าเอามาให้ได้ดูกันครับสำหรับคนรักกระรอกและสนใจในการเลี้ยงสัตว์  นี่เป็นตัวอย่างของกระรอกที่ถูกนำมาเลี้ยงและดูแลจนเติบใหญ่และเชื่องกับเจ้าของครับ นับว่าเป็นกระรอกสวนที่สวยมากตัวนึงเลยนะผมว่า ^_^"



วันเสาร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2556

กระรอกสายพันธุ์ต่างๆ


กระรอกสิงหลังเงิน
      กระรอกสิงหลังเงิน เป็นกระรอกที่มีสีหลักเป็นสีแดง จุดสังเกตว่าคือ โคนหาง กระรอกสายพันธุ์นี้จะมีโคนหางเป็นสีขาว หรือสีทองคล้ายกับสวมวงแหวนหนาๆ ที่โคนหางอยู่ ส่วนสีบางตัวที่สีสันสวยงามหน่อยจะมีสีขาวหรือสีทองไปถึงกลางหลัง






กระรอกดำ ชลบุรี
      กระรอกดำ ชลบุรี กระรอกหลากสี ( Variable Squirrel) เป็นกระรอกขนาดกลางมีสีสันหลากหลายมาก และสามารถแบ่งเป็นชนิดย่อยมากกว่า 10 ชนิด เป็นกระรอกที่มีหางพลิ้วเป็นพวงสวยงามมาก
กระรอกแดง ชลบุรี
      กระรอกแดง ชลบุรี กระรอกหลากสี ( Variable Squirrel) เป็นกระรอกขนาดกลางมีสีสันหลากหลายมาก และสามารถแบ่งเป็นชนิดย่อยมากกว่า 10 ชนิด เป็นกระรอกที่มีหางพลิ้วเป็นพวงสวยงามมาก







กระรอกสามสี 

      กระรอกสามสี (Prevost's Squirrel) เป็นกระรอกที่ใหญ่ที่สุดใน สกุล Callosciurus มีลักษณะสีขนที่เด่นชัด โดยหู ส่วนบนของหัว หลัง และหางเป็นสีดำ สีข้างและต้นขาหลังเป็นสีขาว ท้องขาหน้าและปลายขาหลังเป็นสีน้ำตาลแดง บางครั้งอาจพบหางเป็นสีน้ำตาลเข้ม หรือน้ำตาลเรียบๆ แก้มมีสีเทาจาง








พญากระรอกสีครีม(เหลือง)
      พญากระรอกสีครีม(เหลือง) (Cream-coloured Giant Squirrel ) เป็นกระรอกที่มีขนาดใหญ่ แต่มีขนาดเล็กกว่าพญากระรอกดำใหญ่เล็กน้อย ลำตัวด้านบนมีสีน้ำตาลส้มอ่อนๆ บางชนิดย่อยมีสีเหลืองนวล ลำตัวด้านล่างมีสีน้ำตาลแกมเหลือง และตีนสีน้ำตาล แก้มเป็นสีน้ำตาลเข้ม หางมีสีนำตาลเข้มกว่าลำตัว







พญากระรอกดำ
      พญากระรอกดำ (Black giant squirrel) : จัดเป็นหนึ่งในกระรอกชนิดที่ใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นกระรอกที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่พบในประเทศไทย หางยาวเป็นพวง ขนตามตัวและหางมีสีดำสนิท บางตัวอาจมีขนที่สะโพกหรือโคนหางออกสีน้ำตาล ขนบริเวณแก้มและท้องเป็นสีเหลือง เท้าหน้ามี 4 นิ้ว เท้าหลังมี 5 นิ้ว เมื่อโตเต็มที่ ลำตัวและหัวจะยาว 33-37.5 เซนติเมตร หางยาว 42.5-46 เซนติเมตร หนักราว 1-1.6 กิโลกรัม



กระรอกเผือก(ขาว)
     กระรอกเผือก(ขาว) เผือก คือ ความผิดปกตินอกเหนือจากสายพันธุ์ที่เขาเป็น ซึ่งอาจมาจากเซลล์ในการผลิตสีทำงานไม่ปกติ ไม่มีเม็ดสี ทำให้ผิว/ขนขาวซีด และตาแดง












กระรอกเผือก(สีครีม)
     กระรอกเผือก(สีครีม) หนึ่งในกระรอกหลากสี จะมีชื่อเรียกต่างๆกันไปตามสถานที่ เช่น เผือกนครสวรรค์ เผือกสระบุรี เผือกเกาะสีชัง ฯลฯ











 กระรอกสวนหรือกระรอกบ้าน

     กระรอกสวนหรือกระรอกบ้าน เป็นกระรอกขนาดกลาง มีขนาดเล็กกว่ากระรอกหลากสี(กระรอกดง) เล็กน้อย ทั่วไปลำตัวมีสีน้ำตาลแกมเขียว ลำตัวส่วนล่างขนสีน้ำตาลแดง ส้ม หรือสีเหลืองนวล









กระรอกสวนหลังดำ
     กระรอกสวนหลังดำ เป็นกระรอกสวนที่มีปื้นสีดำบริเวณหลังส่วนท้าย หางเป็นพวงสวยงาม มีสีแถบสีเนื้อจางๆสลับดำ บางชนิดย่อยปลายหางมีสีดำ บางชนิดปลายหางเป็นสีอ่อน











กระรอกสมิงหลังทอง
     กระรอกสมิงหลังทอง











กระรอกดงธรรมดา
     กระรอกดงธรรมดา

















กระรอกดงเกราะทอง
     กระรอกดงเกราะทอง












กระรอกเทาท้องขาว
     กระรอกเทาท้องขาว












กระรอกแดงท้องขาว
     กระรอกแดงท้องขาว






วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

โอโม่&สไปเดอร์ กระรอกเผือกแสนซน

     ขึ้นชื่อว่า "กระรอกเผือก" หลายๆคนคงคิดว่าเค้าจะสีขาวตั้งแต่เด็กๆ จริงๆแล้วไม่เลยครับ  ช่วงเล็กๆเจ้ากระรอกเผือกจิ๋วพวกนี้จะสีออกน้ำตาลอ่อนๆแลดูสวยเลยทีเดียว  ผมได้มีโอกาศเลี้ยงเจ้ากระรอกเผือกชมพู ที่น่ารักสองตัวนี้โดนสั่งซื้อมาจากร้านสัตว์เลี้ยงที่มหาสารคามครับ  รับมาเลี้ยงเมื่อวันที่ 13 มกราคม พ.ศ.2556 ที่ผ่านมานี้เองครับ  โดยเป็นคู่ตัวผู้และตัวเมีย  แต่มันไม่ใช่ของผมทั้งหมดนะครับ  พอดีมีพี่ชายที่สนิทกันพอสมควรนำมาฝากผมเลี้ยงอีก 1 ตัวนั้นเอง ก็ซื้อมาพร้อมกันนั้นแหละนะ
      เริ่มแรกเลยที่นำมาผมนำเจ้าสองตัวนี้มาอบไฟอยู่ในกล่องเป็นอาทิตย์ๆเลยทีเดียว ตอนที่นำเจ้าตัวน้อยมาก็อายุน่าจะเกือบเดือนได้แล้ว เพราะตาเปิดใกล้เต็มตาแล้ว  ผมป้อนอาหารโดยใช้ดรอปเปอร์ เหมือนเจ้ากาโม่เลย แต่ป้อนด้วยนมแพะกระป๋องก่อนนะ เพราะทางร้านบอกว่าเลี้ยงด้วยนมแพะมาถ้าให้ซีรีแล็คแต่แรกเลยท้องเสียแน่นอน
ผมก็ดันหัวดื้อซะด้วยรองไปซะ ท้องเสียจริงด้วย อิอิ สมน้ำหน้าเลย เลี้ยงนมแพะได้2อาทิตย์ก็เอา ซีรีแล็คมาเสริม อาจเป็นเพราะอย่างนั้นเจ้าตัวน้อยทั้ง 2 เลยโตไวมากๆเลย

    พอเลี้ยงได้สัก 3-4 อาทิตย์ ก็ย้ายเข้าไปไว้ในกรงเลยที่เดียวเชียว แต่ยังเปิดไฟหลอดส้มอบไว้อยู่นะครับ  นอนกอดกันกลมเชียว เจ้ากระรอกเผือกพวกนี้เป็นตัวแทนของ กาโม่ ที่หายไปเลยผมรู้สึกสนุกที่ได้เลี้ยงดูมันมากเลย
    ตัวผู้เป็นกระรอกของพี่ที่รู้จักกันแกตั้งชื่อมันว่าสไปเดอร์ เจ้านี้ตอนเด็กๆซุกซนมากๆเลยครับ  ชอบป่วนน้องสาวเป็นประจำ
    ตัวเมียเป็นลูกสาวของผมเองเพื่อให้เข้ากับกาโม่ มันจึงได้ซื่อว่าเจ้า โอโม่ ก็ตอนโต เค้าจะเป็นสีขาวนี่นา ตอนเล็กๆนี่โอโม่จะนิ่งมากๆเลยครับกินกับนอนอย่างเดียวเลย อิอิ




     เอาล่ะพอเริ่งแข็งแรงพอแล้วก็กินแอ๊ปเปิลได้เลย  แล้วก็คอ่ยเอาเค้ามารับแสงแดดยามเช้าเพื่อให้ขนสวยงาม อร่อยกันใหญ่เชียวนะ โอโม่ สไปเดอร์  สังเกตุดีๆสีที่ขนเปลี่ยนไปแล้วนะครับ  เริ่มขาวขึ้นแล้ว  ก็เลี้ยงมาได้ 4-5 อาทิตย์แล้วเนาะ!!!







     นอนอาบแดดชิวกันเลยทีเดียว ช่วงนี้ โอโม่ เริ่มออกลายแล้ว ซูกซนใช่เล่นเลย กลายเป็นว่ามีเจ้าตัวดื้อเพิ่มขึ้นมาอีก 1 ตัว โตไวเหมือนกันนะเนี่ยเผลอแป๊ปเดียวเอง








     นั้นไงไม่ทันขาดคำเจ้า โอโม่ ขโมยถุงเท้าผมซะแล้ว เอา่ไปทำรังนอนในกรงด้านบน  ตัวนึงเอาขึ้นไป อีกตัวนึงก็ช่วยดึงเข้าเชียว  น่ารักกันเหลือเกินนะ  เวลาที่ผมว่างๆอยู่ห้องก็มักจะปล่อยให้เค้าวิ่งเล่นอย่างอิสระเสอมๆ โดยนำกิ่งไม้มาวางพิงกำแพงไว้สูงพอควร แล้วนำกรงไปมัดติดไว้ด้านบนครับ


















     ผมคิดว่าการที่เราให้เค้าวิ่งเล่นในห้องเป็นการให้เค้าได้ออกกำลังกายอย่างดีและช่วยให้เค้าโตไวด้วยครับ
     ก็เอาเป็นว่าจะนำเรื่องราวของเจ้าโอโม่และสไปเดอร์มานำเสนอต่อภายหลังแล้วกันนะครับเพราะเท่าที่เลี้ยงมาก็มีข้อมูลเท่านี้แหละครับ  ขอขอบคุณที่เสียเวลามานั่งอ่านกันนะครับ


วันอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

กระรอกตัวแรกของฉัน (กาโม่)

กาโม่ เป็นชื่อของเจ้าตัวน้อยตัวแรกของผมนับว่าเป็นลูกชายสุดรักของผมเลยก็ได้ ผมซื้อเค้ามาจากงานกาชาดที่มหาสารคามเมื่อปี พ.ศ.2553 เลี้ยงมาตั้งแต่ตัวน้อยๆ



     กาโม่เป็นกระรอกสวนเพศผู้อายุเกือบๆเดือนได้มั้งนะ  ผมก็ไม่แน่ใจ กระรอกเป็นสัตว์ที่ผมคิดอยากเลี้ยงมานานมากแล้วตามหาซื้อมาตั้งแต่เด็กๆเลยครับ  ผมเพิ่งมีโอกาศไปเจอร้านขายกระรอกครั้งแรกที่งานกาชาดที่มหาสารคามตอนที่ผมเรียนอยู่ปี 2 ที่มหาลัย'มหาสารคาม         
     

      ผมเลี้ยงกาโม่ด้วยซีรีแล็คสูตรแรกเริ่ม โดยการใช้ดรอปเปอร์เป็นตัวป้อน  กว่าจะโตใช้เวลานานพอดูเลยครับ ช่วงนั้นเหนื่อยมากๆ  บางคนก็บอกว่าเลี้ยงมันทำไมมันเป็นภาระ  แต่ผมคิดว่ามันเป็นภาระที่ผมภูมิใจและเต็มใจที่จะลำบาก เพื่อเห็นพัฒนาการของเจ้าตัวเล็กนี่  พอได้เห็นมันมีความสุขแล้วก็ทำให้เราอดยิ้มไม่ได้ทุกทีเลยล่ะครับ




      พอเจ้ากาโม่โตได้สักหน่อยก็เอามานอนบนฟูกด้วยเลย มันก็เลยเป็นโรคติดคนอย่างเห็นได้ชัด และเชื่องมากๆซะด้วยสิ  แต่ก็กลัวนอนทับเค้าอยู่นะ อิอิ ที่สำคัญช่วงแรกๆกาโม่ฉี่รดที่นอนบ่อยมากๆ  แล้วที่สำคัญไปกว่านั้น เค้าตื่นเช้ามากครับ ตื่นตัวเดียวไม่พอมาปลุกเราซะอีก อิอิ  เรียกได้ว่าเค้าตื่นเราต้องตื่น ถ้าวันไหนอยากนอนต่อต้องจับเจ้าขี้ดื้อเข้ากรงก่อนเลยทีเดียว
      กาโม่เป็นกระรอกที่เชื่ืองมากเลยครับ  ขนาดที่ว่าผมพาขึั้นต้นไม้ได้โดยไม่ต้องล่ามโซ่เลย เวลาพาขึ้นต้นไม้ปล่อยเค้าวิ่งเล่นได้ตามสบายเลย  พอถึงเวลาก็ปีนขึ้นไปเอาเค้าลงมา  ถ้าวันไหนซนจนหมดแรงแล้วแค่เรียกชื่อก็ลงมาเองแล้วครับ  แสนรู้จริงๆเลยน้า !!! เจ้าลูกชายตัวนี้นี่



ปีนป่ายซะสนุกเชียวนะกาโม่  ผมให้เค้าขึ้นบนต้นตะขบครับเพราะเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของเค้าเลย  นอกจากจะได้วิ่งเล่นอย่างสนุกแล้ว  ยังได้เก็บผลไม้สดๆกินเองกับมืออีกด้วย  เจ้า กาโม่ จึงมีความสุขและแข็งแรงนั้นเอง
        แต่ทว่านิทานเรื่องนี้ไม่ได้จบลงอย่างมีความสุขครับ  ตอนนั้นผมอยู่ปี 3 เทอม 2 ( พ.ศ.2554 ) ผมก็ต้องลาจากกับกาโม่ซะแล้วด้วยอุบัติเหตุที่เกินจะคาดเดา  เนื่องจากกาโม่เชื่องมากจนเกินไป  ผมจึงไม่เคยคิดจะล่ามโซ่เค้าเลย  วันนั้นเองที่ผมพา กาโม่ เกาะไหล่เดินออกจากบ้านในยามเย็นเพื่อไปเก็บผักบุ้งข้างทางด้วยกัน ( ณ บ้านดอนนา มหาสารคาม ) วันนั้นมีรถกระบะคันหนึ่งวิ่งมาด้วยความแรง พุ่งเข้าใส่ทางลูกระนาดสุดแรงจนเกิดเป็นเสียงดังสนั่น  เจ้ากาโม่ที่ตกใจถึงขีดสุดได้กระโดดจากไหล่ผมหายเข้าไปในป่าหญ้าที่สูงท่วมหัว และหายไปในที่สุด - -* ผมเสียใจมากๆเลยครับ ผมพยามตามหาทุกทางในระแวกนั้นแต่ก็ไม่มีวี่แววของกาโม่อีกเลย สุดท้ายผมก็เสียกาโม่ไปตลอดกาล





นี่เป็นวิดีโอของกาโม่ที่ยังเหลืออยู่ครับ มันเห่าเก่งด้วยนะ  ^_^

เพศกระรอก



<< จากภาพ:  แสดงให้เห็นความแตกต่างกระรอกเพศผู้และเพศเมีย
ตัวเมียด้านขวา  อวัยวะเพศจะอยู่ต่ำกว่าใกล้ทวารหนัก
ตัวผู้อวัยวะเพศจะอยู่ด้านล่างและสูงขึ้นไปใกล้สะดือ







วิธีให้ความอบอุ่น
หากคุณพบกระรอกตัวเล็ก ๆ ให้รีบนำมันมาไว้ในที่อบอุ่น กระรอกแรกเกิดนั้นควรอยู่ในอุณหภูมิประมาณ 37.5-38.5 องศา วิธีให้ความอบอุ่นแก่ลูกกระรอกนั้นทำได้โดย

1. ใช้ไฟดวงเล็ก ๆ 3-5 วัตต์ ช่วยในการให้ความอบอุ่นได้ และต้องไม่ลืม เรื่องความชื้น โดยอาจวางอ่างน้ำเล็ก ๆ ไว้รอบข้างดวงไฟ แล้วคลุมด้วยตระแกรงเหล็กด้านบนเพื่อกั้นไม่ให้ผ้าสัมผัสกับดวงไฟ เพราะถ้าผ้าเกิดสัมผัสกับดวงไฟที่ร้อนโดยตรง อาจทำให้มันหลอมละลาย และ เกิดไฟไหม้ได้ เสร็จแล้วให้เราวางผ้าทับอีกทีชั้น เพื่อให้ความอบอุ่นสะสมอยู่ในผ้าหนา ๆ หน่อยก็ได้นะคะ มันจะได้ขยับตัวซุกตามความอบอุ่นที่มันต้องการ หมั่นเติมน้ำอย่าให้น้ำด้านล่างแห้ง และอย่าลืมเรื่องอากาศถ่ายเทบ้างนะคะ วางผ้าให้ความอบอุ่น แต่ก็มีที่ๆ อากาศถ่ายเทด้วย

2. อาจใช้ถุงน้ำร้อนวางไว้ด้านล่าง แล้วใส่ผ้าด้านบน แต่วิธีนี้ต้องคอยเปลี่ยนน้ำบ่อย ๆ เพราะสัก 3-4 ชั่วโมง น้ำก็เริ่มไม่อุ่นแล้ว ซึ่งทำได้ยาก และคุณอาจไม่ได้หลับได้นอนเลย อาจใช้ในกรณีที่ต้องเดินทางหรือจำเป็นต้องพกพากระรอกไปไหนเท่านั้น (กรณีต้องไปโรงพยาบาล, หรือต้องเอาไปไหนด้วยเพื่อป้อนอาหาร)

3. หากหาอุปกรณ์ไม่ได้จริงๆ ก็ใช้กล่องเปล่าเฉย ๆ และใส่ผ้าไว้ในนั้น แต่บางครั้งที่อากาศหนาวเย็นมาก อุณหภูมิภายในกรงที่ให้เค้าอยู่ จะต่ำเกินไป จึงจำเป็นต้องให้ความอบอุ่นเพิ่มด้วย

4. อีกวิธีใส่กล่องแล้ววางไว้บริเวณด้านหลังของตู้เย็น ตู้เย็นทำหน้าทีให้ความเย็น แต่ด้านหลังของมันก็อบอุ่นทีเดียว แต่ต้องใส่ภาชนะให้มีพื้นที่สำหรับเค้าแล้ววางไว้ด้านหลัง จะขยับย้ายที่ตามตำแหน่งที่เค้าต้องการ ถ้าร้อนเกินไปเค้าก็จะขยับออกห่างออกมาเอง ถ้าหนาว เค้าก็จะขยับเข้าไปซุกตรงที่อบอุ่นกว่า
และต้องระวังเรื่องมดและแมลง และสัตว์อืื่น ๆ ที่จะมารบกวนได้นะคะ

ทุกวิธีต้องกรักษาความสะอาด และเปลี่ยนผ้าหรือกระดาษทิชชู่อยู่เสมอ ต้องไม่ให้ผ้าเปียกชื้น และคอยควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ประมาณ 37.5-38.5 เพราะถ้าร้อนหรือเย็นเกินไป ลูกกระรอกอาจป่วยและเสียชีวิตได้


การให้อาหารลูกกระรอก

1. ให้นมถั่วเหลืองปลอดภัยที่สุด  พวกแลคตาซอย ไวตามิลด์ ให้นมอย่างนี้อย่างเดียวได้จนลืมตา และกินผลไม้เลยค่ะ ส่วนซีรีแล็คบางคนก็ว่าใช้ได้ แต่เคยใช้แล้วไม่แนะนำนะคะ เพราะเหมือนมันจะกินแล้วท้องอืดยังไงไม่รู้
2. เวลาป้อนอาหารอย่าป้อนเร็วเกินไป ป้อนทีละหยด ด้านข้างของปากก็ได้ แล้วให้เค้าเลียอาหารเข้าไปเอง หรือจะใช้สริงค์เล็ก ๆ ที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาและให้เค้าใช้ปากดูดเข้าไปทีละน้อยตามจังหวะของเค้าเอง ดูวิธีป้อนอาหารตามตัวอย่างในภาพด้านล่างนะคะ   อย่าฉีดอาหารเข้าไปอย่างรวดเร็ว  เพราะจะทำให้กระรอกสำลัก ทำให้เป็นปอดบวมได้ และถ้าให้เยอะเกินไปกระรอกก็อาจจะท้องอืด และตายได้เหมือนกัน
3. ต้องให้อาหารบ่อย ๆ แต่ทีละน้อย ในกรณีลูกกระรอกเล็กอยู่ บางครั้งจะหิว และร้องตลอดเวลา ถ้าไม่ได้กินจะเกิดอาการเครียด และถ่ายเป็นฟอง
4. ห้ามให้นมวัว  จะทำให้กระรอกท้องเสีย และตายได้ บางครั้งถ้าจำเป็นจะให้ก็ต้องเจือจางกับน้ำ
5. กรณีที่มีลูกกระรอกหลายตัว อย่าปล่อยให้หิว ต้องคอยดูตลอด เพราะถ้าเราไม่อยู่หรือปล่อยให้หิว อะไรอยู่ข้าง ๆ มันจะคิดว่าเป็นแม่มันหมด บางทีหิวขึ้นมาอีกตัวอยู่ใกล้ ๆ ก็จะถูกดูดจนเป็นจ้ำ ๆ  และช้ำตายได้เลยค่ะ ดังนั้นถ้าให้ปลอดภัย ควรแยกแต่ละตัวไว้คนละที่กัน แต่กรณีที่สามารถป้อนได้บ่อยครั้ง ก็รวมไว้ในที่เดียวกันก็ได้ค่ะ กระรอกจะได้อยู่กันอย่างอบอุ่น และเลี้ยงรวมกันได้เมื่อโตขึ้นด้วย

6. เวลาให้อาหารเสร็จต้องคอยรักษาความสะอาด เปลี่ยนผ้าบ่อย ๆ  การใช้ทิชชู่แทนผ้าก็ทำให้สะดวกขึ้นในการทำความสะอาด ใช้ปลายสำลีชุบน้ำอุ่นเช็ดบริเวณปากไม่ให้มีคราบอาหาร
7. บางครั้งต้องกระตุ้นลูกกระรอกในการขับถ่ายด้วย ทุกครั้งหลังอาหารใช้ปลายสำลีชุบน้ำอุ่นเช็ดบริเวณทวาร เบา ๆ  วิธีนี้จะทำให้ลูกกระรอกขับถ่ายออกมาได้ หากทวารแห้งและกระรอกไม่ขับถ่าย ลูกกระรอกอาจเสียชีวิตได้



หมายเหตุ : กรณีกระรอกไม่สบาย และต้องการพาไปหาสัตวแพทย์ ให้ไปที่โรงพยาบาลสัตว์ ม.เกษตร จะดีที่สุดนะคะ เพราะที่นั่นมีคลีนิคสำหรับสัตว์พิเศษด้วย   ก็คือ สัตว์อื่น ที่ไม่ใช่หมา แมว  (โรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน เลขที่ 50 ถ.พหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทร. 0-2942-8756-9)

พัฒนาการลูกกระรอก



พัฒนาการลูกกระรอก






< 0 - 2 สัปดาห์


อายุ 1-3 วัน

ผิวหนัง : สีชมพู ไม่มีขน
ตา : ปิดสนิท
หู : ไม่สามารถได้ยิน
น้ำหนัก : 15 กรัม

อายุ 1 วัน - 2 สัปดาห์
ผิวหนัง : สีเทาๆ ขนอ่อนเริ่มขึ้น
ตา : เริ่มมีรอยเปิดที่ตา
หู : เริ่มเคลื่อนไหวไปตามเสียงที่ได้ยิน
 < 3 - 4 สัปดาห์
อายุ 3 สัปดาห์ - 4 สัปดาห์
ผิวหนัง : ขนเริ่มขึ้นเต็มจากหัวถึงหาง
ตา : ตาใกล้จะเปิดในกระรอกเทา และแดง กระรอกสวนบางตัวและกระแตเปิดตาในอายุ 4 สัปดาห์
หู : เริ่มได้ยินเสียงชัดมากขึ้น
ฟัน : ฟันล่างเริ่มขึ้น
 < 5 - 6 สัปดาห์
สัปดาห์ที่ 5
ผิวหนัง : ขนขึ้นเต็ม
ตา : เปิดตา
ฟัน : ฟันบนเริ่มขึ้น สามารถกัดแทะได้ที่อายุประมาณ 5 สัปดาห์
การเคลื่อนไหวและพฤติกรรม : เริ่มแทะของแข็งเอง

สัปดาห์ที่ 6
ขน : ขนที่หางขึ้นเต็ม พอง
ตา : เห็นชัดเจนมากขึ้น สามารถกะระยะจากวัตถุได้ เริ่มกระโดดจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง
การเคลื่อนไหวและพฤติกรรม : เดินได้คล่อง เริ่มเล่น แทะของแข็งกินได้มากขึ้น
 < 8-10 สัปดาหฺ์
อายุ 8 -10 สัปดาห์
การเคลื่อนไหวและพฤติกรรม : มีความกระตืรือร้น ซน กระโดดจากที่หนึ่ง
ไปยังอีกที่หนึ่งโดยขาหลัง ลักษณะเหมือนกระรอกโตเต็มที่แต่ขนาดเล็ก
กระรอกอายุประมาณ 10 สัปดาห์ สามารถแทะของแข็ง เช่นเมล็ดถั่วเปลืองแข็งได้
< ประมาณ 5 เดือน
อายุ 11 - 18 สัปดาห์
กระรอกในช่วงนี้จะเริ่มออกจากรัง ไปใช้ชีวิตตามธรรมชาติโดยตัวเอง
ลูกกระรอกจะค่อยๆสำรวจไกลออกจากรังวันละนิด 
และกลับมายังรัง จนอายุประมาณ 18 สัปดาห์ จะไม่กลับมายังรังเดิม
และพร้อมจะหาคู่เมื่อเป็นสัด หรือถึงฤดูผสมพันธุ์